---------------------------------------------- ---------------------------------------------- woman_only: 2009

วันพฤหัสบดีที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2552

การดูแลรักษาดวงตาจากการใช้คอมพิวเตอร์

เคล็ดลับการถนอมดวงตาระหว่างใช้คอมพิวเตอร์อย่างง่ายๆ ครับ
เพื่อนๆ รู้หรือเปล่าว่าเดี๋ยวนี้ คนที่มีอาการทางสายตาที่เกิดจากการใช้คอมพิวเตอร์มีเพิ่มขึ้นสูงขึ้นเรื่อยๆเลยนะ เพราะปัจจุบันนะมีการใช้คอมพิวเตอร์อย่างแพร่หลายในสำนักงานต่างๆ ตามบ้าน ตามร้านเน็ต จากสถิติพบว่าผู้ใช้คอมพิวเตอร์จำนวนมากกว่า 50% มีอาการทางสายตา ได้แก่ ปวดตา ตามัว ตาแห้ง สายตาล้า และปวดศีรษะ รวมทั้งมีอาการอื่นๆ เช่น ปวดเมื่อยคอและหลัง โดยอาการเหล่านี้มักเกิดขึ้นกับผู้ที่ใช้คอมพิวเตอร์มากกว่า 2 ชั่วโมงต่อวัน และผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไป แต่พี่ผึ้งว่าเพื่อความไม่ประมาท เราเริ่มดูแลดวงตาเราตั้งแต่ตอนนี้เลยจะดีกว่านะ ไม่งั้นแก่ไปได้ใส่แว่นตาหนาเตอะแน่ งานนี้จะขำไม่ออกกัน +_+!
ทั้งนี้ตัวแปรที่ก่อให้เกิดอาการดังกล่าวมีหลายอย่างเลย เช่น ภาวะตาแห้ง ความผิดปกติของสายตาและค่าสายตา ความสามารถในการเพ่ง แว่นตาที่ใช้กับคอมพิวเตอร์ ชนิดของคอมพิวเตอร์ แสงสะท้อนจากคอมพิวเตอร์ ความสว่างของห้อง ท่านั่งขณะใช้คอมพิวเตอร์ เรียกว่าสารพัดปัจจัยเสี่ยง
หยกเลยมีเคล็ดลับถนอมสายตามาฝากกัน สำหรับน้องๆ ที่เป็นโรคติดเน็ต ขาดคอมเป็นขาดใจทั้งหลาย ได้รู้ถึงวิธีดูแลดวงตาระหว่างใช้คอมพิวเตอร์อย่างง่ายๆกัน

. ควรกะพริบตาให้บ่อยขึ้น
· จัดวางหน้าจอคอมพิวเตอร์ในตำแหน่งที่เหมาะสม โดยระยะห่างระหว่างจอภาพและผู้ใช้คอมพิวเตอร์ ควรอยู่ระหว่าง 20-28 นิ้ว ระดับจอภาพ จุดศูนย์กลางของคอมพิวเตอร์ควรอยู่ต่ำกว่าระดับสายตาประมาณ 4-9 นิ้ว ไม่ควรอยู่สูงหรือต่ำเกินไป ควรอยู่ตรงด้านหน้าของผู้ใช้
· ใช้น้ำตาเทียมหยอดตา เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นแก่ดวงตา
· แว่นตาที่ใช้กับคอมพิวเตอร์ ควรเลือกใช้เลนส์สีชมพูอ่อนที่ช่วยให้สบายตาภายใต้แสงจากหลอดไฟฟลูออเรสเซนต์ และเพื่อลดแสงสะท้อนจากจอภาพ
· ใช้แผ่น ลดแสงสะท้อนจากคอมพิวเตอร์ หรือ เลือกใช้จอคอมพิวเตอร์ชนิด LCD (จอแบน) ซึ่งจะช่วยถนอมสายตาได้ดีกว่าจอคอมพิวเตอร์แบบเก่า (CRT)
· ควรหลีกเลี่ยงเฟอร์นิเจอร์ที่มีผิวสะท้อน รวมทั้งใช้ฉากกั้นเพื่อลดปริมาณแสง
· ควรจัดวางคีย์บอรด์และเม้าส์ต่ำกว่าระดับข้อศอก พร้อมปรับความสูงของเก้าอี้ให้เหมาะสม มุมตรงเข่ากับเก้าอี้ควรมากกว่า 90 องศา เก้าอี้ที่ดีควรมีที่พักแขน
· ผู้ใช้คอมพิวเตอร์ควรเปลี่ยนอิริยาบถ หรือลุกขึ้นยืดเส้นยืดสายทุกๆ ชั่วโมง เพื่อพักสายตา และป้องกันไม่ให้เกิดอาการปวดเมื่อย เมื่อต้องใช้คอมพิวเตอร์ติดต่อกันเป็นเวลานาน
· ควรตรวจสายตาปีละหนึ่งครั้ง เพื่อวัดความดันตา ดูประสาทตา และตรวจเช็คความผิดปกติของสายตาเสียแต่เนิ่นๆ เพื่อจะได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที ซึ่งจะช่วยป้องกันการสูญเสียสายตาได้

วิธีการพักสายตา จากการใช้คอมพิวเตอร์คนเราส่วนใหญ่จะนั่งทำงานอยู่หน้าคอมพิวเตอร์มาก ๆ มีบางครั้งล้าสายตาหรือปวดตา ทำ
ให้เกิดการระคายเคือง ตาอักเสบ วิธีการช่วยบรรเทาการปวดตา
1. หลับตา แล้วเกือกตาไปมา ซ้าย ขวา บน ล่าง และหลับให้หนึ่งประมาณ 5 นาที
2. ออกไปสูดอากาศหายใจจะได้ผ่อนคลายไปในตัว
3. มองดูอะไรก็ได้ที่เป็นสีเขียว เช่น ต้นไม้ สนามหญ้า ฯลฯ หรืออะไรก็ได้ ที่มองแล้วสบายหูสบาย
ตา วิธีนี้ส่วนมากใช้ได้ผล 70%
4. หาอุปกรณ์ เช่น แว่น ฯลฯ
เมื่อเทคโนโลยีมันก้าวมาถึงขีดที่คอมพิวเตอร์ ซึ่งเคย แสนวิเศษ กำลังจะกลายเป็นอุปกรณ์
ธรรมดาๆ ที่จำเป็นต้องมีของทุกหน่วยงาน ทุกคนต้องใช้ได้ใช้เป็น และเรากำลังหลงใหลได้ปลื้ม
กับความสามารถ ของคอมพิวเตอร์ จนลืมนึกถึงพิษภัยที่มันมากับคอมพิวเตอร์ แม้จะไม่ใช่ทางตรง
ทีเดียวกันก็ตาม พิษภัยนี้ มีไว้สำหรับท่านที่นั่งใช้อยู่หน้าจอเป็นประจำเท่านั้น โดยเฉพาะท่านที่
ต้องนั่งอยู่หน้าจอเกิน 6 ชั่วโมงต่อวัน จากการนั่งทำงานเป็นประจำ ผลกระทบต่อสุขภาพเบื้องต้น
ที่แน่ๆ ก็คือ ปวดหลัง ปวดไหล่ ต้นคอ และข้อมือ เกิดอาการเครียดที่ตา เพราะขณะมองจอนั้นผู้ใช้
มักไม่กะพริบตา เป็นผลให้ตาขาดน้ำหล่อเลี้ยงเกิดอาการระคายเคืองได้ และอาการที่ตามมาคือตา
พร่าและมองไม่เห็นชั่วคราว นอกจากนี้ยังอาจมีอาการไมเกรนพ่วงมาด้วยปัญหาทางตาเป็นปัญหา
ที่น่าห่วงมาก เพราะเมื่อตาเกิดความเครียดกล้ามเนื้อตา จะบีบรัดเลนซ์ตาจนเกิดความเมื่อยล้า
หมอจึงแนะนำว่า ถ้าต้องใช้สายตาอยู่กับจอนานๆ ควรพักสายตาทุกสิบนาทีด้วยการเปลี่ยนไปมอง
วัตถุที่อยู่ไกลออกไปสัก 20 ฟุต มองสัก 2-3 นาทีแล้วค่อยมองจอต่อ จักษุแพทย์ได้แนะให้ผู้ใช้
คอมพิวเตอร์นานๆ ต้องพักสายตาให้มองไกลทุก 10 นาที และท่านที่มีปัญหาสายตาสวมแว่นอยู่
แล้วนั้น ถ้าต้องมารับหน้า ที่อยู่หน้าจอนานๆ ควรมีแว่นตาเฉพาะสำหรับงานหน้าจอนี้ด้วยอีก
อันหนึ่ง ซึ่งแตกต่างไปจากแว่นตาที่ใช้ยามปกติ ส่วนจะแตกต่างอย่างไร คงต้องปรึกษาจักษุแพทย์
และในขณะเดียวกันท่านเหล่านี้ ควรได้รับ การตรวจวัดสายตาเป็นประจำ เพื่อให้ได้ขนาดเลนซ์ที่
เหมาะสม
นอกจากนี้เพื่อเป็นการถนอมสายตาที่ยังไม่มีปัญหา ท่านไม่ควรสวมเสื้อผ้าที่มีสีสว่างขณะ
นั่งหน้าจอ เพราะสีของเสื้อจะไปทำให้เกิดแสงสะท้อนบนจอภาพได้และแสงสะท้อนนี้แหละที่จะ
ทำให้กล้ามเนื้อตาอ่อนล้า กว่าปกติและยังมีอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ตาเมื่อยล้าได้คือ ถ้าแสงจากจอ
สว่างน้อยกว่าแสงโดยรอบ ข้อนี้ผู้จัดสำนักงานควรจะมีความรู้ด้วย ทั้งหมดคงต้องเป็นหน้าที่ของ
ผู้ใช้คอมพิวเตอร์เอง ที่จะเป็นผู้รับผิดชอบสุขภาพของตนเอง เพราะถ้าเกิดปัญหาสายตาขึ้น จะไป
เรียกร้องเงินทดแทนก็คงทำได้ยาก


ลองนำวิธีที่แนะนำไปปฏิบัติตามกันดูได้ นะจ๊ะ


โปรแกรมช่วยในการรักษาสุขภาพสำหรับผู้ใช้คอมพิวเตอร์




ในปัจจุบันการทำงานไม่ว่าด้านใดๆ มักจะมีการนำคอมพิวเตอร์มาใช้ในการทำงาน หรือแม้แต่เวลาไม่มีอะไรทำ ก็เปิดคอมพิวเตอร์แก้เหงา บางคนติด blog ติด chat ก็มักจะมีปัญหาเกี่ยวกับสายตา (ขณะนี้ ผู้เขียนบันทึกเริ่มมีอาการปวดตาเพิ่มขี้นเรื่อยๆ และเรื่อยๆ) ปวดเมื่อยตามร่างกายไม่มากก็น้อย ซึ่งที่จริงก็มีวิธีแก้ไขง่ายๆ ก็คือควรพักสายตาจากหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นระยะๆ และยืดเส้นยืดสาย แต่ปัญหาที่พบคือมักจะทำไม่ได้ เรามักจะจดจ่ออยู่กับคอมพิวเตอร์จนลืมที่จะพักสายตา จึงขอแนะนำโปรแกรม User Health ซึ่งเป็นโปรแกรมฟรีที่จะคอยเตือนให้เรารู้ตัวว่า ถึงเวลาที่เราควรจะพักสายตาจากคอมพิวเตอร์ โดยเราสามารถกำหนดเวลาที่จะให้โปรแกรมเตือน หรือกำหนดจากจำนวนครั้งที่เราพิมพ์ หรือจำนวนครั้งของการคลิกเมาส์ ก็ได้ โดยโปรแกรมจะเตือนเป็นข้อความแสดงขึ้นมาตอนล่างของหน้าจอ ตามช่วงเวลาต่าง ๆ ที่ได้มีการกำหนดไว้ หลังจากติดตั้งโปรแกรมแล้ว ให้ทำการเปิดโปรแกรมเพื่อตั้งค่าต่าง ๆ หรือจะใช้ค่าที่โปรแกรมตั้งไว้ให้แบบอัตโนมัติก็ได้ จากนั้น คลิกปุ่ม Start ให้โปรแกรมเริ่มการตรวจสอบเวลาการทำงานให้คุณ โดยจะมีไอคอนรูปหัวใจอยู่บน Status Bar ด้านล่างมุมขวา ซึ่งสามารถตรวจสอบได้ว่า เราได้ทำงานไปแล้วกี่นาที เพียงเอาเมาส์ไปชี้ที่ไอคอนรูปหัวใจ โปรแกรมก็จะแสดงเวลาการใช้งานคอมพิวเตอร์ของเราทั้งหมดที่ใช้ไปในแต่ละวัน พร้อมกับแถบสีเขียวข้างล่างรูปหัวใจจะค่อย ๆ เปลี่ยนจากสีเขียวเป็นสีแดง ตามเวลาการใช้งานรวมวันนั้น
** ถ้าหากเราใช้งานภายในหนึ่งวัน เกิน 9 ชั่วโมง โปรแกรมจะเปลี่ยนเป็นแถบสีแดงทั้งหมด! **
ความสามารถของโปรแกรมที่น่าสนใจอีกอย่างก็คือ มีการบันทึกประวัติย้อนหลัง โดยมีแสดงการใช้งานคอมพิวเตอร์ทั้งหมดของเราด้วย ทำให้เราสามารถเปรียบเทียบได้ว่าวันไหนมีการใช้งานคอมพิวเตอร์เท่าไร และสามารถสร้างเป็นกราฟให้เราดูได้อีกด้วย และโปรแกรมยังมีลูกเล่นในการเตือนที่น่ารักๆ อีกด้วย หากท่านใดสนใจสามารถ download โปรแกรมได้ที่นี้