วันพุธที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553
ข้อดีและข้อเสียของเทคโนโลยีสารสนเทศ
เทคโนโลยีสารสนเทศมีเป้าหมายกำหนดไว้ดังนี้
1.เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน (Operation Efficiency)
2.เพิ่มผลผลิต (Function Effectiveness)
3.เพิ่มคุณภาพบริการลูกค้า (Quality Customer Service)
4.ผลิตสินค้าใหม่และขยายผลผลิต (Product Creation and Enhancement)
5.สามารถสร้างทางเลือกเพื่อแข่งขันได้ (Altering the basic of competition)
6.สร้างโอกาสทางธุรกิจ (Identifying and Exploiting Business Opportunities)
7.ดึงดูดลูกค้าและป้องกันคู่แข่ง (Client Lock-In/Competitor Lock-Out)
จากเป้าหมายทั้ง7ประการของเทคโนโลยีสารสนเทศถ้าสามารถดำเนินการได้ตามเป้หมายดังกล่าวก็ถือได้ว่าเป็นข้อดีของเทคโนโลยีสารสนเทศระบบนี้ได้ทั้งหมด
2.ข้อเสียของเทคโนโลยีสารสนเทศ
1.วงจรชีวิตของระบบสารสนเทศ เป็นระบบที่มีวงจรชีวิตค่อนข้างจำกัด อาจจะอธิบายได้ว่า เนื่องจาการเปลี่ยนแปลงทางด้านเทคโนโลยี รวมทั้งสภาพทางเศรษฐกิจและธุรกิจ เช่น ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ทำให้ต้องมีการปรับเปลี่ยนระบบสารสนเทศไปด้วยหรือ การเปลี่ยนแปลงความต้องการของผู้บริหาร ก็อาจจะต้องเปลี่ยนระบบสารสนเทศไปด้วย
2.ลงทุนสูง เทคโนโลยีสารสนเทศเป็นเครื่องมือที่มีราคาแพง และส่วนมากไม่อาจจะนำไปใช้ได้ทันที แต่จะต้องมีความรู้ความเข้าใจเสียก่อนจึงจะใช้ได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ
3.ก่อให้เกิดช่องว่าง (Gap) เทคโนโลยีสารสนเทศ ทำให้เกิดช่องว่างในการรับข่าวสารระหว่างคนจนกับคนรวย
3.ผลกระของเทคโนโลยีสารสนเทศที่มีต่อสังคมมนุษย์
1.การเปลี่ยนแปลงเรื่องความรู้สึกตลอดเวลา มีคนจำนวนไม่น้อยเกิดความรู้สึกว่าสรรพสิ่งเคลื่อนไหวเร็วขึ้น เนื่องจากเทคโนโลยีสารสนเทศทีการพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว
ผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจ ความก้าวหน้าด้านโทรคมนาคม ทำให้ระบบเศรษฐกิจเป็นจริงขึ้นมา พรมแดนของประเทศกลายเป็นสิ่งไร้ความหมายการบริการด้านการเงินได้รับแรงเสริมทางด้านอิเล็กทรอนิกส์อย่างไม่หยุดยั้ง รวมทั้งผลกระทบจากการใช้เทคโนโลยีการสื่อสารโดยเฉพาะในสำนักงานทำให้วิธีคิดและวิธีการปฏิบัติเกี่ยวกับการทำงานเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง การทำงานไม่จำเป็นต้องอยู่ในสำนักงานตลอดเวลาอีกแล้ว
2.ผลกระทบด้านการเมืองและการตัดสินใจ เนื่องจากการพัฒนาเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ที่ละเอียดและปราณีตมากขึ้น ทำให้การตัดสินใจไม่เป็นไปตามค่านิยมแต่จะเป็นการตัดสินใจบนข้อมูลและข้อเท็จจริงพร้อมทั้งความคิดเห็นที่มีการเก็บรวบรวมและมีวิธีการวิเคราะห์ประกอบด้วย ส่วนรูปแบบการเมือง จะได้รับผลกระทบคือ ระบบเผด็จการจะลดน้อยลง เนื่องจากไม่สามารถควบคุมข่าวสารได้ ระบบการสื่อสารที่กระจายอำนาจทำให้ประชาชนมีอำนาจมากขึ้นสามารถติดตามการทำงานของรัฐบาลได้อย่างมีประสิทธิภาพ
3.การเกิดขึ้นของชุมชนอิเล็กทรอนิกส์ ในอนาคตจะเกิดชุมชนใหม่ที่เรียกว่า “ชุมชนอิเล็กทรอนิกส์” ที่ปรากฏขึ้นเมื่อทุกบ้านมีคอมพิวเตอร์ และกลุ่มที่มีความสนใจเหมือนกันจะติดต่อโดยผ่านบริการของสหกรณ์โทรคอมพิวเตอร์ซึ่งสามารถจัดการให้ทุกคนได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็น ความรู้ซึ่งกันและกันได้ และข้อมูลที่นำมาแลกเปลี่ยนกันนี้จะถูกบันทึกไว้และจะเรียกกลับมาใช้อีกเมื่อไหร่ก็ได้
4.ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม แม้ว่าเทคโนโลยีสารสนเทศจะไม่ได้เป็นตัวการทำให้เกิดปัญหาสิ่งแวดล้อมโดยตรง แต่เทคโนโลยีสารสนเทศเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดความก้าวหน้าในเทคโนโลยีต่างๆ และเทคโนโลยีเหล่านั้นเองที่ทำให้เกิดปัญหาสิ่งแวดล้อม เทคโนโลยีสารสนเทศจะช่วยในด้านการจัดการสิ่งแวดล้อมให้ดีขึ้นได้ โดยการใช้คอมพิวเตอร์ในการคำนวณหรือจำลองแบบมวลอากาศเพื่อพยากรณ์ทางด้านอุตุนิยมวิทยา การใช้คอมพิวเตอร์ในการวิเคราะห์ภาพถ่ายดาวเทียมเพื่อตรวจสอบการบุกรุกทำลายป่าา หรือการใช้คอมพิวเตอร์ตรวจสอบการแพร่มลพิษในน้ำหรือในอากาศ
5.ผลกระทบด้านการศึกษา เทคโนโลยีสารสนเทศมีผลกระทบในด้านการศึกษามาก การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศที่สำคัญ คือ การใช้คอมพิวเตอร์ช่วยสอน (Computer Assisted Instruction-CAI) หรือ เรียกว่า คอมพิวเตอร์ช่วยการเรียน (Computer Assisted Learning-CAL) ซึ่งหมายถึงการใช้คอมพิวเตอร์เป็นสื่อในการสอนและการเรียนรู้ โดยมีผลทำให้นักเรียน นักศึกษา หรือประชาชนที่อยู่ในที่ห่างไกลสามารถเรียนรู้ได้เช่นเดียวกับคนเมือง นอกจากนี้ยังมีส่วนทำให้อาจารย์มีเวลามากขึ้นที่จะทำการศึกษาวิจัย นำเสนอผลงานใหม่อันจะก่อให้เกิดประโยชน์ในการพัฒนาประเทศ
6.ผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อปัจเจกบุคคล เทคโนโลยีสารสนเทศมีผลกระทบต่อชีวิตประจำวันของมนุษย์มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน การเลือกซื้อของ การพักผ่อน การฝาก-ถอนเงิน การรักษาพยาบาล เป็นต้น ซึ่งผลกระทบต่อบุคคลที่สำคัญดังนี้
ผลกระทบที่มีผลต่อสภาวะจิตใจ การที่สภาพแวดล้อมทีการกระตุ้นมากเกินไป ข่าวสารข้อมูลมีมากเกินไป ทางเลือกต่างๆ มีมาก ทำให้เกิดการตัดสินใจของมนุษย์ด้อยประสิทธิภาพลงเมื่ออยู่ในภาวะที่ถูกกระตุ้นมากไป
การย้อนกลับไปสู่ศาสตร์ลี้ลับ เนื่องมาจากการสูญเสียอำนาจควบคุมพลังและศาสตร์ต่างๆ ก้าวไปไกลเกินกว่าที่มนุษย์จะควบคุม มนุษย์จึงเลิกสนใจวิทยาศาสตร์แต่หันมาสนใจศาสตร์ลี้ลับต่างๆ เพื่อเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ
6.ความเป็นส่วนตัวลดลง ทั้งนี้เนื่องจากประสิทธิภาพของเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่สามารถเข้าถึงข้อมูลที่เป็นส่วนตัวทุกอย่างของมนุษย์ได้
ผลกระทบต่อวิธีคิดมนุษย์ มนุษย์จะสามารถเก็บข้อมูลมากที่สุดในเวลาอันสั้นแล้วทิ้งไป แต่จะนำเอาข้อมูลเพียงเล็กน้อยมาสรุปรวมกันเป็นทัศนะใหม่ จะไม่รับแนวคิดที่ส่งผ่านมาทั้งกระบวนอีกต่อไป
คุยกันเรื่องความง้ามงาม นะค่ะ
การจัดฟัน
การจัดฟันสามารถทำได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่
การจัดฟันในวัยเด็กจะประสบความสำเร็จได้ง่ายกว่าผู้ใหญ่ เนื่องจากเป็นช่วงที่ส่วนต่างๆ ของโครงสร้างใบหน้ากำลังเจริญเติบโตมีส่วนช่วยในการเคลื่อนที่ของฟันให้เกิดขึ้นได้ง่ายและรวดเร็ว สำหรับผู้ใหญ่ต้องใช้เวลาในการจัดฟันนานกว่าเด็กมาก การจัดฟันไม่จำเป็นต้องถอนฟัน ขึ้นกับว่ามีฟันซ้อนเกมากน้อยเพียงใด มีเนื้อที่ในขากรรไกรเพียงพอ สำหรับการจัดเรียงฟันให้เป็นระเบียบได้หรือไม่ หากมีฟันซ้อนเกมาก
ประกอบกับขากรรไกรมีเนื้อที่ไม่พอก็ต้องถอนฟันออก ซึ่งโดยทั่วไปจะพิจารณาถอนฟันกรามน้อยซี่ที่หนึ่งด้านละ 1 ซี่ เนื่องจากเป็นฟันที่อยู่กึ่งกลางความโค้งของขากรรไกร ซึ่งจะอยู่ไม่ไกลจากการซ้อนเกของฟันด้านหน้า และฟันด้านหลัง การเคลื่อนฟันเข้ามาปิดช่องว่างได้ดีกว่าการถอนฟันซี่อื่น ๆ
ระยะเวลาที่ใช้ในการจัดฟัน
จะแตกต่างกันไป ซึ่งขึ้นกับองค์ประกอบหลายอย่าง คือ ลักษณะการสบของฟัน และเนื้อที่ขากรรไกรว่ามากน้อยเพียงใด การจัดฟันในผู้ใหญ่จะใช้เวลามากกว่าในเด็ก การจัดฟันจึงใช้เวลานาน โดยเฉลี่ยประมาณ
2-3 ปี จึงแล้วเสร็จ การจัดฟันให้ได้ผลดีนั้น ความร่วมมือของคนไข้เป็นสิ่งที่สำคัญมาก
ข้อดี
1.จัดรูปหน้า สวยยยยย ย ย ทันที (สวยในที่นี้คือ รูปหน้าดูสมส่วนจ้ะ)
(เเล้วเเต่พฤติกรรมของคนจัดด้วยนะคะเพราะถ้าไม่รักษาดีๆก็ไม่มีผลจ้ะ)
2.ฟันสวย เรียงกันเป็นระเบียบ
3. จัดเเล้วดูเเอ๊บเเบ๊ว น่ารัก
4.ดูมีจุดเด่นให้คนอื่นจำขึ้นมาอีก1จุด๕๕+ นั่นคือฟันของเราเอง
5.เป็นเเฟชั่นที่ทำเเล้วดูไม่น่าเกลียด
ข้อเสีย
1.ต้องจุกจิกจู้จี้ กับการทำความสะอาดเหล็ก
2.ต้องไปเพิ่มขนาดลวดเเละเปลี่ยนสีทุกเดือนอาจจะเป็นความลำบากในการเดินทาง
3.เพิ่มขนาดลวดเเล้วจะรู้สึกตึงๆปวดๆ บางคนก็อาจจะกินข้าว ไม่ได้ สำหรับเรา กินทุกอย่างหล่ะคะ
5. อาหารติดเหล็กบ่อย เวลาคนอื่นมองจะไม่น่าดู
5.ต้องพกกระจกตลอดดูว่ามีอะไรติดมั้ย (สำหรับผู้หญิง)
6.ฟันจะผุบ่อยถ้าไม่ดูเเล
7.เสียเเวลาการจัดอย่างน้อย2 ปี (เเล้วเเต่กรณีเเต่ส่วนใหญ่จะจัด2ปี)
8.ค่าจัดค่อนข้างจะเเพง ถ้าการจัดเเบบมีคุณภาพ
9.ปากเจ่อ (บางคนอาจจะไม่เจ่ออะ) เจ่อมากเจ่อน้อยเเล้วเเต่รูปปากของเเต่ละคนด้วยน้า อย่าเครียด
10.ฟันจะน้อยกว่าคนอื่น บางคนโดนถอนไปเยอะเลย อิอิ
ถึงเเม้ข้อเสียจะเยอะเเต่ถ้าหากเรามีความจำเป็นจะต้องจัด ก็จัดไปเถอะจ้ะ รับรองถอดเครื่องมือเเล้ว คุ้มค่ากับที่จัดไปเเน่ๆ ^ ^ ''
เพื่อนกิ๊ก (เจ้าของบทความ)
ขั้นตอนในการใส่คอนแทคเลนส์ ของกิ๊กนะ
1. ล้างมือให้สะอาด เช็ดให้แห้ง
2. นำเลนส์ที่ล้างทำความสะอาดแล้ว วางบนนิ้วชี้ข้างที่ถนัด แน่ใจว่าถูกด้าน
3. ใช้นิ้วกลางมือข้างที่ถือเลนส์ดึงเปลือกตาล่างลง
4. แล้วใช้นิ้วกลางมืออีกข้างหนึ่งดึงเปลือกตาบนขึ้น
5. วางเลนส์กลางตาดำ
6. เหลือบมองด้านล่าง แล้วปล่อยเปลือกตาล่างก่อน
7. หลับตาใช้นิ้วกดบนเปลือกตาเบา ๆ
ขั้นตอนการถอดคอนแทคเลนส์ คือ
1. ล้างมือให้สะอาด เช็ดให้แห้ง
2. เหลือบขึ้นบน ใช้นิ้วกลางดึงเปลือกตาล่างลง
3. เลื่อนเลนส์ลงมาด้านล่าง
4. ค่อย ๆ หยิบเลนส์โดยใช้นิ้วหัวแม่มือ และนิ้วชี้ 5. ถอดเลนส์ออก ล้างทำความสะอาด
สิ่งสำคัญที่สุดที่ขาดไม่ได้มากๆ (ย้ำขาดไม่ได้) คือ ความสะอาดและการดูแลรักษาทำความสะอาดเลนส์และตลับเลนส์ ทุกครั้งเพราะดวงตาของพวหเราต้องใช้อีกนานหลายปี
ข้อดี
1.ไม่ต้องใสแวนตาเหมือนคนแก่
2.สะดวกต่อการทำกิจกรรม
ข้อเสีย
ไม่ควรทดลองใส่คอนแทคเลนส์ตามแฟชั่น ที่มีข่าวออกมาใส่คอนแทคเลนส์แฟชั่นและติดเชื้อจนตาบอด แนะปรึกษาจักษุแพทย์ก่อนการเลือกสวมใส่คอนแทคเลนส์ทุกชนิดต้อง แยกน้ำยาทำความสะอาดตามขั้นตอนให้ผลดีกว่าใช้น้ำยาประเภท “3 อิน 1” และห้ามใส่คอนแทคเลนส์นอนหลับอย่างเด็ดขาด เสี่ยงติดเชื้อเสียดวงตา
ข้อแนะนำ
1.ห้ามล้างเลนส์ด้วยน้ำประปาเด็ดขาด ให้ใช้น้ำยา หรือน้ำเกลือที่ปลอดเชื้อ
2.ควรจะเลือกใช้น้ำยาทำความสะอาดคอนแทคเลนส์แบบแยกขั้นตอน
3.เวลาล้างเลนส์ ให้ใช้นิ้วถูเลนส์ทั้งสองด้านให้สะอาด ไม่ควรถูเลนส์
4.เวลาใส่หรือถอดเลนส์ ให้ระวังเล็บขูดขีดกระจกตา ถ้าไว้เล็บสั้นได้ก็จะดีค่ะ
5.ล้างตลับเลนส์ให้สะอาด แล้วตากตลับโดยคว่ำไว้บนตะแกรงโปร่งๆ ให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก ตลับเลนส์จะได้ไม่ติดเชื้อรา
6.พยายาม รักษาความสะอาด เวลาทำความสะอาดเลนส์ให้ดีๆ อาจจะมีปัญหาเรื่องตาติดเชื้อ เป็นอันตรายต่อดวงตาได้ค่ะ
7. เมื่อเปิดฝาน้ำยาคอนแทคเลนส์ และน้ำตาเทียม (ที่ใช้หยอดตา) แล้ว ควรใช้ให้หมดภายใน 3 เดือน และถ้าเกิน 3 เดือนแล้วให้ทิ้งน้ำยาขวดนั้นไปเลย อย่าเสียดาย เพราะน้ำยาที่เปิดฝาใช้แล้วจะมีโอกาสติดเชื้อต่างๆ ได้ ซึ่งก็จะทำให้ตาเราติดเชื้อไปด้วย
8. ถ้าใช้น้ำเกลือขวดใหญ่ๆ แบบที่ขายกันทั่วไป ควรจะใช้ให้หมดภายใน 1 เดือน ถ้าเกินจากนี้ก็ควรจะทิ้งน้ำเกลือขวดนั้นไป เนื่องจากน้ำเกลือที่เปิดแล้วก็จะไม่ได้อยู่ในสภาพปลอดเชื้ออีกต่อไป
9.ห้ามใส่เลนส์เวลานอน ไม่ว่าจะง่วงขนาดไหน ก็ควรจะถอดเลนส์ก่อนแล้วค่อยหลับ ก่อนนะจ๊ะ
เพื่อนจิ๊บ (เจ้าของความ)
สวนใหญ่ชาวเกาหลีเป็นผู้นำเทรนด์เรื่องการฉีดโบทูลินั่มมาก เพื่อให้ใบหน้าดูเรียวเล็กจิ้มลิ้ม แบบตุ๊กตาบาร์บี้ โดยโบทูลินั่มเป็นโปรตีนสกัด ที่มีคุณสมบัติช่วยคลายกล้ามเนื้อ เมื่อฉีดเข้าไปที่กล้ามเนื้อบริเวณแนวสันกราม และ แนวขากรรไกร จะทำให้กล้ามเนื้อคลายตัว และลดเหลี่ยมมุมของใบหน้า ส่งผลให้ใบหน้าดูเรียวเล็กลง โดยไม่ต้องศัลยกรรมเหลาคางให้เจ็บตัว เดิมทีเดียวมีการใช้โบทูลินั่ม หรือโบท็อกซ์ในการแพทย์ทั่วโลกมานานแล้ว แต่เพิ่งจะดัดแปลงมาใช้เพื่อปรับรูปหน้าครั้งแรก โดยแพทย์ ชาวเกาหลี เมื่อปี 1994 และได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายไปทั่ววงการบันเทิงแดนกิมจิ แม้แต่ดาราและไฮโซเมืองไทยยังบินไปจิ้มโบท็อกซ์ ปีละหลายหน จนสวยปิ๊งขึ้นผิดหู ผิดตา.
ข้อดี ข้อดี
สามารถทำได้ทันที และใช้เวลาในการรักษาไม่เกิน 10 นาที ไม่ต้องรอพักฟื้น เริ่มเห็นผลภายใน 2-4 สัปดาห์ อย่างเป็นธรรมชาติ
ข้อเสีย
เห็นผลเต็มที่ใช้เวลา 2-3 เดือน
ผลที่ได้รับหลังการักษา
สามารถอยู่ได้นาน 8 เดือน-1ปีค่ะ
เพื่อนเฟิร์น(เจ้าของบทความ)
การดูดที่มีไขมันสะสมเยอะ โดยเฉพาะส่วนที่ลดยากๆอย่าง หน้าท้อง, ต้นขา และสะโพก ค่อนข้างได้ผลน่าพึงพอใจ เทคนิคนี้จะลดไขมันโดยอาศัยอัลตราซาวด์ หรือพลังงานเสียงเข้ามาช่วย ทำให้ก้อนไขมันสลายเป็นของเหลว จากนั้นแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญจะใช้เครื่องมือที่เป็นท่อเล็กๆเจาะเข้าไปดูดไขมันเหลวออกมาอย่างรวดเร็ว ไม่ทำลายเนื้อเยื่อแบบการดูดไขมันสมัยก่อน ซึ่งใช้เครื่องมือที่มีแรงดันสูง หลัก การของเทคโนโลยีตัวนี้คือ ถ้าเรามีไขมันมาก ดูดออกมาก สัดส่วนก็จะลดลงตามไปด้วย การทำเวเซอร์ นอกจากจะช่วยปรับรูปร่างให้ดูเพรียวขึ้น ยังช่วยแก้ปัญหาหน้าท้องหย่อนยานของคุณแม่ ทั้งหลายด้วย.
ข้อดีของการดูดไขมัน
•ผิวหนังบริเวณที่ถูกดูดจะเรียบ ไม่ค่อยมีรอย
•เลือดออกน้อย
•เกิดรอยช้ำเขียวน้อย
•หายเร็ว
ผลเสียก็มีบ้าง ได้แก่มีแผลจากการเจาะดูด มีการเสียเลือดบ้างระหว่างดูด อาจมีอาการฟกช้ำดำเขียวอยู่ช่วงหนึ่ง และที่สำคัญคือการดูดไขมัน ที่ไม่สม่ำเสมออาจจะไม่ค่อยชำนาญ หรือผิวหนังไม่หดรัดตัวลงไปอย่างที่ต้องการเนื่องจากไม่ตึง (แก่หรือหนังหย่อน) ทำให้เกิดเป็นคลื่น ๆ ที่ผิวได้มากบ้างน้อยบ้างแล้วแต่ อีกอย่างคือต้องเสียสตางค์ ราคาหลายพันจนถึงหมื่นขึ้น
คุยกันวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2553
บทความของรุ่นพี่ปี 3ค่ะ
เทคโนโลยีสารสนเทศ 3G กับความคิดเห็นของพี่บอล
3G ก้าวกระโดนพัฒนาไปอย่างรวดเร็วอยู่ตลอดเวลา ในสมัยปัจจุบันนี้3Gมีบทบาทมากในการสื่อสารกัน ในการรับส่งข้อมูลข่าวสาร
มีการพัฒนาที่กว้างไกลมากขึ้นกว่าในสมัยอดีต มีความสะดวกสบาย ความรวดเร็ว ในการสื่อสารกัน เพืื่อนำมาใช้ในอนาคตในการทำ
งานประกอบอาชีพ ในการทำธุรกิจ3Gเป็นตัวเลือกหนึ่งที่จะนำมาทำธุรกิจได้ 3Gมันมีจุดเด่นของตัวมันเองยุแล้วและยังมีการพัฒนาอยู่ตลอด
เวลา สามารถตอบสนองความต้องการของตลาดได้รวดเร็ว
เป็นความคิดด้านอาชีพในอนาคตเกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศ
เทคโนโลยีสารสนเทศ เป็นศาสตร์แห่งอนาคตมีการพัฒนาด้านสิ่งต่างๆหรือระบบต่างๆก็ต้องอาศัยเทคโนโลยีอยู่มากเราต้องมีการปรับตัว
เรียนรู้อยู่ตลอดเวลา เพื่อนำมาปรับใช่ในชีวิตประจำวัน
สำหรับการจัดการองความรู้
ในองกรณ์ทุกองกรณ์ต้องมี การจัดการความรู้ในด้านต่างๆ เช่น ด้านเทคโนโลยี ด้านการบริหารงาน ฯลฯ การบริหาควารมรู้หรือ
การจัดเก็บความรู้ให้เป็นระบบที่ดีสามารถที่จะทำให้องค์กรมีความเจริญไปอย่างรวดเร็ว และยังสามารถสร้างวัฒธรรมที่ดีที่เกี่ยวกับการจัดการ
องค์กรความรู้ให้เกิดขึ้นอยู่ในองค์กรอีกด้วย
วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2553
วันอังคารที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2553
นวัตกรรมเทคโนโลยีกับผู้หญิง
คุณผู้หญิงผู้รักความทันสมัยที่กำลังมองหาของขวัญปีใหม่ให้ตัวเอง งาน“Bangkok Electronica 2008” บริเวณ ห้อง MCC Hall ชั้น 4 ห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์ สาขาบางกะปิ ระหว่างนี้ถึงวันที่ 3 ม.ค. 2551 คือสิ่งที่ตอบโจทย์ได้ เพราะรวบรวมนวัตกรรมล้ำหน้าเทคโนโลยีเครื่องใช้ไฟฟ้าระดับโลก มาแสดงและลดราคาพิเศษสุด
สุดยอดเทคโนโลยีเครื่องใช้ไฟฟ้าที่นำเสนอบนเวทีของงาน เรียกความสนใจจากผู้เข้าชมงานมาก ทั้ง“Sony Rolly” เครื่องเล่นอัจฉริยะเพลงเต้นรำ เครื่องแรกของโลก ขนาดเล็กเท่าฝ่ามือ ผสานเทคโนโลยีดิจิตอลอัจฉริยะของหุ่นยนต์ไอโบ เพียงโหลดบทเพลงและท่าเต้นลงเครื่อง นักเต้นตัวกลมถ่ายทอดบทเพลง พร้อมลีลาสนุกสนาน, ชุดลำโพงตัวจิ๋วขนาดเท่าลูกกอล์ฟ ชุดแรกในเมืองไทย เสียงลักษณะพิเศษทรงพลังแบบ Omni-Direction เป็นชุด Home Thratre ของ “Sony Dav-IS10” ขนาดกะทัดรัด, SumSung นำเสนอชุด Home Thratre แบบ “Blue-Ray 7.1 ch.” เครื่องแรกของโลก พลังเสียงรอบทิศทางสมจริง และครั้งแรกกับมือถือรุ่น “G800”พร้อมฟังก์ชั่นกล้องดิจิตอลสมบูรณ์แบบ ทั้งถ่ายภาพและโทรศัพท์ในเครื่องเดียว, Home Thratre กำลังขับ 700 WATT อีกหนึ่งรุ่นจาก LG หรูหราด้วยดีไซน์ลำโพงในรูปแบบแก้วแชมเปญ และ Yamaha ครั้งแรกในเมืองไทยสุดยอด Amplifier ระดับ Hi-End ขุมพลังเสียงด้วยลำโพง 13 ตัว ส่วนคุณแม่บ้านมุ่งความสนใจที่เครื่องใช้ไฟฟ้าทันสมัยเพื่อทุ่นแรง เช่นเครื่องเตาอบไอน้ำ “Healsio”ของ Sharp พลังงานสูง สามารถอบ ย่าง นึ่งครบครัน ควบคุมด้วยระบบดิจิตอล ตัวเครื่องสีแดง ทำจากสแตนเลส รักษาสุขภาพคนในครอบครัวด้วยระบบลดเกลือและไขมันในอาหารถึงร้อยละ20 ,เครื่องซักผ้าฝาหน้าของ SumSung รุ่น WD-6122CKS ระบบ Silver Nano ที่ยับยั้งแบคทีเรียร้อยละ 99.9 ปราศจากเสียงรบกวนขณะทำงานขนาด12 กก.เครื่องเดียวทั้งทั้ง ซักน้ำ ซักแห้ง และ อบ ส่วนเตาแก๊ส 5 หัว รุ่น CG-903 WFC จาก Fisher & Paykel ส่งความร้อนผ่านถาดย่างบาร์บีคิวหอมกรุ่น ระบบป้องกันแก๊สรั่วไหลร้อยละ30
ข้อมูลจาก : เดรินิวส์
วันพฤหัสบดีที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2553
ระวังตัวกันอย่างไร เมื่อเป็นผู้หญิงเดินทาง
สาวมั่นอย่างเราแม้จะสามารถเดินทางไปไหนๆ ได้อย่างไม่หวั่น แต่สิ่งหนึ่งที่เราไม่ควรลืมก็คือ การดูแลตัวเองให้ปลอดภัยยามเดินทาง เพราะยุคสมัยนี้ไว้ใจใครไม่ได้ค่ะ ต้องดูแลตัวเองกันให้ดีหากเกิดอะไรขึ้นมาไม่คุ้มแน่ๆ ค่ะ
1. เดินด้วยท่าทีที่มั่นใจ ไม่อย่างนั้นคนอื่นจะรู้ว่าคุณเป็นคนแปลกถิ่น ทำให้เป็นเป้าสายตากับผู้ไม่หวังดีได้ง่าย
2. แต่งกายให้เหมาะสม ควรเลือกเสื้อผ้าให้เหมาะกับโอกาสและสถานที่ที่ไป ไม่เปิดหรือโป๊จนเกินไปและไม่ควรใส่ของมีค่ามากนัก อันตรายค่ะ
3. พยายามอยู่ในกลุ่มเพื่อน ไปหลายคนจะได้ช่วยเหลือกันได้ยามคับขัน
4. อย่ารับของจากคนแปลกหน้า ไม่ว่าจะเป็นการฝากเพียงชั่วคราวก็ตาม เพราะเป็นของผิดกฎหมายและทำให้คุณเดือนร้อนได้ หากอยู่ในงานปาร์ตี้ ไม่ควรรับแก้วจากคนแปลกหน้าหรือวางแก้วทิ้งไว้บนโต๊ะ
5. ควรแยกเก็บเงินและของมีค่าไว้หลายๆ ที่ เพื่อลดความเสี่ยงในการสูญหาย และให้กระเป๋าสะพายอยู่ในสายตาหรือติดตัวไว้ตลอดเวลา
6. ถ้ามีใครมาชน ถามทาง ถามเวลา หรือทำอะไรหกใส่คุณ ให้ระวังตัวไว้เพราะนั่นอาจเป็นเล่ห์เหลี่ยมของพวกมิจฉาชีพ
7. เรียนรู้วัฒนธรรมของแต่ละที่ที่คุณไป เพราะวัฒนธรรมแต่ละที่มีความแตกต่างกัน โดยเฉพาะภาษาท่าทางซึ่งอาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดขึ้นได้
8. หากรู้สึกแปลกๆ หรือไม่ชอบมาพากล ให้รีบออกมาจากบริเวณนั้นให้เร็วที่สุด เพราะอาจเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้นได้
อุปกรณ์ในการป้องกันตัว และสามารถพกพาได้
แบบที่ 1 อุปกรณ์ขอความช่วยเหลือ (Personal Alarm)
ไว้เป็นอุปกรณ์ป้องกันตัวที่พกติดตัว เวลามีเหตุฉุกเฉินเราก็ดึงสลัก อุปกรณ์ขอความช่วยเหลือจะส่งเสียงดัง เพื่อเรียกคนที่อยู่รอบให้หันมาสนใจ และช่วยเหลือเรา
โดยอุปกรณ์จะไม่ทำอันตรายคนร้าย แต่จะสร้างความตื่นตระหนก ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กลับสถานที่ด้วยนะครับ ถ้าที่นั้นเป็นที่เปลี่ยวจริง อุปกรณ์ขอความช่วยเหลือก็อาจจะช่วยอะไรไม่ได้ เพราะไม่มีใครได้ยิน
แบบที่ 2 สเปรย์พริกไทย (Pepper Spray)
สเปรย์พริกไทย จะดีกว่าอาวุธป้องกัน ประเภท อุปกรณ์ขอความช่วยเหลือ คือเราสามารถสู้คนร้ายได้ด้วย โดยระยะหวังผลก็จะอยู่ที่ 1-2 เมตร ผลที่เกิดกับคนร้ายคือจะแสบหน้า แสบตา ซึ่งจะสามารถหยุดคนร้ายได้ประมาณ 20 นาที ซึ่งเพียงพอในการหลบหนี
แบบที่ 3 มีด มีดปากกา อาวุธมีคม
ตัวอย่างที่เอามาเป็นมีดปากกา ใช้งานเป็นปากกาได้ เวลาฉุกเฉินก็สามารถเอามใช้ป้องกันตัวได้ แต่โดยส่วนตัวไม่แนะนำให้ใช้ เพราะว่า เป็นการยากที่ผู้หญิงจะใช้มีด ในการป้องกันตัว แบบประชิดเช่นนี้
แบบที่ 4 เครื่องช๊อตไฟฟ้า
เป็นอุปกรณ์ป้องกันตัว ชนิดที่ใช้กระแสไฟฟ้าทำร้าย โดยจี้ไปยังส่วนต่างๆ ของร่างกาย ไฟฟ้าก็จะวิ่งผ่านกล้ามเนื้อส่วนนั้น ซึ่งก็ไม่ได้หยุดคนร้ายได้เท่าไรนัก เพราะจะทำร้ายกล้ามเนื้อบางส่วนเท่านั้น กล้ามเนื้อส่วนอื่นแขนขาก็ยังใช้งานได้
เนื้อหาในรายการโดย พ.ต.ท.โชติวิเชียร วิเชียรโชติ
รอง ผกก.5บก.ส1
ผู้เชี่ยวชาญการป้องกันตัว และกฎหมาย แห่ง“ศูนย์เตือนภัยผู้หญิง” www.PaiPhuying.com
อุปกรณ์ป้องกันตัว การที่จะถูกกฎหมายหรือไม่ ขั้นแรก ต้องดูที่ลักษณะทางกายภาพ หากทางกายภาพ ดูเป็นอาวุธแล้ว ก็ผิดกฎหมาย เช่น มีด เครื่องช๊อตไฟฟ้า เป็นต้น เพราะเป็นอาวุธโดยสภาพ ทางกายภาพของมันเอง ถ้านำไปพกพาในที่สาธาณะ ถูกจับนะครับ เพราะฉะนั้น ไม่แนะนำให้ใช้
ส่วนอุปกรณ์ป้องกันตัวบางอย่าง ทางกายภาพแล้ว ไม่เป็นอาวุธ เราสามารถพกพาได้เพราะไม่ผิดกฎหมาย เช่น สเปรย์พริกไทย และ เครื่องส่งสัญญาณเตือนภัย (Personal Alarm) เป็นต้น
แต่ สเปรย์พริกไทย จริงๆ แล้วมีหลายแบบ ทั้งนี้ ขึ้นกับสารที่บรรจุอยู่ภายใน ทั้งนี้ต้องสอบถามจากผู้ขาย สเปรย์พริกไทย ให้แสดงหลักฐานว่า ผ่านการอนุญาติตาม พรบ. วัตถุอันตรายและ พรบ. ควบคุมยุทธภัณฑ์ หรือไม่ หากผ่าน 2 ตัวนี้ก็ไม่มีปัญหา พกพาติดตัว เพื่อการป้องกันตัวได้
ในส่วนของหนังสือ “ภัยผู้หญิง” และ .”ภัยผู้หญิง2” ข้างในจะเป็นวิธีป้องกันตัว ในหลายรูปแบบ โดยท่านรองโชติวิเชียร ได้ยกตัวอย่างภัยที่เคยเกิดขึ้นมา อธิบายถึงการป้องกันตัว และวิธีแก้ไขสถานะการณ์ จากภัยนั้นๆ
วันพุธที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2553
ความรู้ใหม่เกี่ยวกับความงาม
W-White ผิวขาวใส ลดริ้วรอย สิว ฝ้า จุด ด่าง ดำ (ดำคล้ำแค่ไหนก็ขาวได้เหมือนคนขาว) USA
W-White ผิวขาวใส ลดริ้วรอย สิว ฝ้า จุด ด่าง ดำ (ดำคล้ำแค่ไหนก็ขาวได้เหมือนคนขาว) USA
รหัสสินค้า: 000005
ปกติ 1,850.00 บาท
ราคาพิเศษ 800.00 บาท
ประหยัด 1,050.00 บาท
รายละเอียด:
ผลิตภัณฑ์นี้ขายดีอันดับ1 ที่ในในเวปเราค่ะ **ไม่พอใจยินดีรับคืน **
ผ่านการรับรองโดยสมาคม World Of Nutrition Product Associatiion (WNPA) สหรัฐอเมริกา และแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ว่าได้ผลและปลอดภัย
***Dietary Suplement ***
Nutrition Helth Food Accredited by World Of Nutrition Product Associatiion (WNPA)
โทรปรึกษาหรือสั่งซื้อ กับเราโดยตรงที่ สหรัฐอเมริกา +1-832-644-0405 / +1-899-364-6963
ในประเทศไทยโทรที่ 081-2545747 , 085-817-9942
W-White สารสกัดธรรมชาติอาหารผิวสูตรพิเศษจาก USA
คลิกที่นี่เพื่อเข้าชมรายละเอียดเพิ่มเติมและประสบการณ์ผู้ใช้จริง
http://www.islender.us/wwhite.htm
1 ชุด ใช้ได้ 1 เดือนค่ะ 30 วัน วันละ1 เม็ด
ส่วนประกอบ
L-Glutathione 500mg** มากที่สุดในขณะนี้
Zinc Gloconate
Licrorice
French Maritim
Rice Polish
Green Tea Extract
Vitamin E +Kelp
Microcrytalline Cellulose
Magnesium
Pearl Extracts
*********************************************
เพิ่มเติมเกี่ยวกับสารสกัดจากธรรมชาติ
1. L-Glutathione ช่วยให้ผิวขาวขึ้นด้วยการยับยั้งการสร้างเม็ดสีผิวทำให้ผิวพรรณขาวใสขึ้นช่วยลดการเกิดฝ้า กระ และจุดด่างดำทั้งใบหน้าและผิวกาย
2. Zinc Gloconate ช่วยเสริสร้างเนื้อเยื่อคอลลาเจนและอีลาสติน ช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งและช่วยลดการเกิดสิว
3. Licrorice สารสกัดจากลอโคริซที่มีคุณสมบัติช่วยให้ผิวพรรณชุ่มชื่นสดใสและชะลอความเสื่อมของร่างกาย และผิวพรรณ
4. French Maritime มีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ จึงช่วยส่งเสริมสุขภาพผิว ลดรอยคล้ำจากแสงแดดและฝ้า
5. Green Tea Extract เสริมความแข็งแรงของหลอดเลือดฝอย ทำให้การหมุนเวียนโลหิตดีทั่วร่างกาย ส่งผลให้ผิวพรรณผุดผ่องมีน้ำมีนวล
6. Vitamin E ต้านอนุมูลอิสระในร่างกายเพิ่มความแข็งแรงของคอลลาเจน เพิ่มผิวอย่างขาวใส
7. Kelp ช่วยรักษาสมดุลของน้ำและไขมันในชั้นใต้ผิวหนัง ผิวพรรณทั่วร่างกายนุ่มนวลเปล่งปลั่ง สดใส ขาวขึ้น
8. Microcrytalline Cellulose เป็นสารที่ช่วยให้ผิวนุ่มนวลเนียนละเอียด
9. Magnesium เป็นสารที่จำเป็นต่อร่างกายมีส่วนช่วยให้ต่อต้านความร่วงโรย ทำให้ผิวพรรณสดใส
10. Pearl Extracts เป็นสารสกัดจากไข่มุกช่วยชะลอวัยให้ผิวพรรณ
L-Glutathione + Zinc Gloconate + Licrorice + French Maritime+ Rice Polish +Green Tea Extract + Vitamin E +Kelp +Microcrytalline Cellulose + Magnesium +Pearl Extracts
**แอลกลูตาไธโอน จาก USA 500มก. (มากที่สุดในเวลานี้)
ผลที่ได้รับจากสารสกัดธรรมชาติเหล่านี้ เป็นประจำนั้น จะทำให้ผิวขาวเนียนใสได้ไว เมื่อใช้ไปซัก 1-2 สัปดาห์ จะสังเกตได้ว่าผิวพรรณดูเปล่งปลั่ง ขาวใสขึ้น เรียบเนียนขึ้น ที่สำคัญปลอดภัยหายห่วง ช่วยให้ใบหน้าสว่างใส ผิวกายขาวเนียขึ้นจนรู้สึกได้
- ใบหน้าขาวใสขึ้น
- หุ่นกระชับขึ้น
- ลดและป้องกันฝ้า กระ ป้องกันการเกิดเม็ดสีทำให้ขาวใสขึ้น
- ผิวกายขาว เรียบนุ่มเนียนยิ่งขึ้น ผิวนุ่มนิ่มขึ้นจริงๆค่ะ
- รวมถึง รักแร้ ขาหนีบ ขอบตา หัวนม และริมฝีปากที่ดำคล้ำ ทำให้สีอ่อนลงจนเป็นสีชมพูอ่อนๆ
- ชะลอความแก่ คงความอ่อนเยาว์ได้แม้ตัวเลขแห่งวัยจะร่วงโรย
- หายห่วงเพราะสกัดมาจากสารธรรมชาติล้วนๆ
- ปลอดภัยกว่าและประหยัด เห็นผลเร็วกว่าอาหารผิวทั่วไปที่ขายตามท้องตลาดเยอะค่ะ
- ทำให้ผิวนุ่มขาวเนียนใสและตึงเรียบค่ะ
- เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเน้นเรื่องความขาว เนียนนุ่ม ไร้สิวฝ้าและเรียบเนียน
"เป็นสารสกัดจากธรรมชาติล้วนๆดังนั้นจึงปลอดภัยหายห่วง"
"ที่สำคัญไม่มีผลข้างเคียงใดๆ เพราะสกัดมาจากสารอาหารธรรมชาติล้วนๆ หมดห่วงเรื่องอันตรายและสามารถใช้ติดต่อกันอย่างสม่ำเสมอจะช่วยลดเม็ดสีที่ทำให้ รักแร้ หัวนม ขาหนีบ ขอบตา ริมฝีปากดำคล้ำ กลับมีสีอ่อนลงเรื่อยๆจนกลายเป็นสีชมพู รวมถึงฝ้า กระ สิวก็จะค่อยๆจางลงไปทั้งยังทำให้ผิวพรรณตั้งแต่ใบหน้า จนกระทั่งผิวกายกลับเรียบนุ่มเนียนขาวใสขึ้นจนรู้สึกได้ สามารถใช้ได้เรื่อยๆ ไม่ทำให้มีสารตกค้างในเมื่อใช้อย่างสม่ำเสมอติดต่อกัน เมื่อเข้าสัปดาห์ที่ 2 จะสัมผัสได้ถึงผิวพรรณที่ดีขึ้น แต่ละคนจะมีผิวพรรณที่ดีขึ้นแล้วแต่สภาพผิว ปัญหาและสุขภาพของแต่ละคน จะเริ่มเห็นเมื่อขึ้นสัปดาห์ที่ 2ค่ะ (เด็กและสตรีมีครรภ์ไม่ควรใช้) ระยะเวลาการเห็นผลของแต่ละคนจะต่างกันแต่โดยรวมจะมีผิวที่ดีขึ้นจนรู้สึกได้ เห็นเร็วสุดจะอยู่ภายใน 2สัปดาห์(ที่เคยใช้เองคือผิวนุ่มขึ้นขาวขึ้น) และจะมีผลชัดเจนสุดๆคือผิวดูขาวสว่างใสสุดๆขึ้นภายใน 2-3เดือนค่ะ ดิฉันทานเองยังไม่ถึง 2สัปดาห์เลยปรากฎว่า รอยจากสิวและดูจางลง และผิวดูเนียนขึ้น ขาวขึ้นด้วยค่ะ ไม่เชื่อต้องลองนะคะ"
หุ่นสวยง่ายๆ 10 ประการ
1. หากนึกอยากรับประทานของหวานๆ ขึ้นมาเมื่อใด ลองหยิบผลไม้ แทนที่จะเป็นขนมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นขนมไทยหรือขนมฝรั่ง ลองนึกดูซิคะ ขนมปังบิสกิต ช็อกโกแลต 1 แผ่น มีถึง 85 แคลอรี ในขณะแอปเปิ้ล 1 ผล มีเพียง 50 แคลอรี
2. นมสดๆ ที่บอกว่าเป็นนมล้วนๆ หรือ whole milk 100 มิลลิลิตร มี 68 แคลอรี นมที่พร่องมันเนยครึ่งๆ หรือ semi-skimmed milk มี 49 แคลอรี และนมพร่องมันเนยแท้ๆ หรือ skimed-milk มีเพียง 34 แคลอรี พิจารณาดูนะคะว่า คุณค่าอาหารอื่นที่ได้จากนมนั้นเท่ากัน แต่คุณไม่จำเป็นต้องดื่มเอาไขมันจากนมเข้าไปด้วยเพื่อไปเพิ่มไขมันในตัวคุณ ไอศกรีมทั่วไปขนาด 50 กรัม หรือ 1 3/4 ออนซ์ มี 110 แคลอรี ถ้าเปลี่ยนเป็นโยเกิร์ตแบบ low fat หรือไขมันต่ำจะได้เพียง 50 แคลอรีเท่านั้น
3. ลดอาหารประเภทอุดมไขมันเปลี่ยนไปหาอาหารประเภทโปรตีนที่มีไขมันต่ำ เช่น เนื้อไก่ เนื้อไก่งวง เนื้อลูกวัว เนื้อปลา และอาหารจำพวกถั่ว
4. หากคุณเป็นผู้ที่ชอบรับประทานมันฝรั่งทอด เลือกแบบเป็นแท่งหรือที่เรียกว่า French fries ดีกว่า เพราะมันฝรั่งทอดชนิดที่เป็นแผ่นกลมๆบางๆ หรือที่เรียกว่า chips นั้น ดูดอมน้ำมันไว้มากกว่าแบบแท่ง หรือถ้าชอบ chips จริงๆก็พยายามหาชนิดที่เขียนว่า low-fat
5. เลือกซื้อปลากระป๋องที่แช่ในน้ำเกลือ แทนปลากระป๋องที่แช่ในน้ำมัน คุณจะได้แคลอรี น้อยลงถึง 100 แคลอรี ต่อน้ำหนักปลา 100 กรัม หรือ 3 1/2 ออนซ์
6. ผลไม้กระป๋องก็เช่นกัน เลือกซื้อชนิดที่แช่ในน้ำผลไม้ (juice) แทนชนิดที่แช่ในน้ำเชื่อม (syrup) คุณจะเลี่ยงได้ถึง 20 แคลอรี ต่อ 100 กรัม หรือ 3 1/2 ออนซ์ เลยทีเดียว
7. ลดน้ำตาลที่เติมเวลาชง กาแฟ ชา หรือ เครื่องดื่มร้อนๆ เย็นๆ ถ้าเป็นไปได้งดเลยก็จะดี ยังไม่อยากแนะนำให้ใช้สารให้ความหวานแทน เพราะไม่แน่ใจถึงผลลัพธ์อื่นที่จะได้รับด้วย
8. เลือกซื้อเนยที่สกัดจากพืชหรือส่วนของพืชแทนเนยที่สกัดจากนมวัว
9. เปลี่ยนลักษณะการเลือกอาหารรับประทานในแต่ละมื้อ โดยเพิ่มผัก ลดเนื้อสัตว์และครีม-มัน-เนย ทั้งหลาย
10. ก่อนไปจ่ายของที่ตลาดเขียนรายการต่างๆ ไว้ก่อน เพื่อจะได้ผ่านตาสิ่งใดควรเปลี่ยนแปลงหรือไม่ควรซื้อเลย และไม่ควรช้อปปิ้งสินค้าประเภทอาหารในยามที่คุณหิว เพราะคุณจะหยิมอาหารที่น่ารับประทาน ขนม หรือสิ่งอุดมด้วยไขมันโดยไม่รู้ตัว
** เทคนิคนี้มีไว้เฉพาะสำหรับผู้ใหญ่เท่านั้นนะจ้ะ เพราะผู้ใหญ่ไม่มีความต้องการไขมันจำนวนมากมาย หากไม่ลดลงก็จะไปเพิ่มพูนเป็นส่วนเกินของร่างกาย และยังอาจทำให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บ อาหารประเภทแคลอรีต่ำและนมพร่องมันเนยเหล่านี้ ไม่เหมาะสำหรับเด็ก เนื่องจากเด็กโดยเฉพาะที่อยู่ในวัยที่ยังเจริญเติบโต ยังต้องการสารอาหารและวิตามินต่างๆอีกมาก**
แหล่งที่มา : ซอกแซก
วันอังคารที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2553
เทคโนโลยีเกี่ยวกับความสวยความงาม
1.IPL ไอพีแอลคืออะไร ทำไมต้องทำ IPL
Dermapulse 2002
เทคโนโลยี IPL หรือ Intensed Pulsed Light ใช้หลักการของการใช้แสงแฟลช ความเข้มข้นสูง ที่เปล่งออกมาในช่วงสั้นๆ และมีการกรองโดย laser dye หรือ crystal ให้ช่วงความถี่ของแสง ผันแปรตามการใช้งานได้ เรื่องแรก ออกแสดงในการประชุมวิชาการแพทย์ที่สตอล์คโฮล์ม เมื่อ 1990 และต่อมาในปี 1991 ปรับปรุงให้ดีขึ้นเป็น FPL หรือ fluorescense pulsed light และเป็นที่ฮือฮากันมาก เนื่องจากสามารถรักษา ความผิดปกติทางผิวหนังได้หลายอย่างท่ไม่เคยทำมาได้ เช่นการกำจัดขน กำจัดเส้นเลือดขอด และ เม็ดสีผิดปกติ โดยไม่ต้องทำลายชั้นผิวหนัง หลักการของ IPL ง่ายๆ คือ อาศัยคุณสมบัติของผิว และส่วนประกอบต่างๆ ของผิว เช่น เม็ดสี เส้นเลือด และขน ที่ดูดกลืนคลื่นรังสีในย่านต่างกัน ทำให้เราสามารถออกแบบ ให้แสง ที่ความถี่ที่ทะลุผ่านผิวหนังโดยไม่ทำให้เกิดความร้อน และลงไปทำลายรากขนโดยตรงได้ หรือลงไปทำให้เส้นเลือดเกิดความร้อน หดตัว รักษาเส้นเลือดฝอยได้ โดยที่แสงนั้น เปล่งในระยะสั้นมาก ไม่ร้อนพอที่จะทำลายผิวหนัง แต่จะร้อนถึง 70 องศาในบริเวรอื่นๆเช่นขน เส้นเลือดฝอย ความร้อนนี้พอที่จะทำลายโปรตีนในรากขน หรือเส้นเลือดได้ พูดแล้วดูเหมือนง่าย แต่จริงๆแล้วยากมาก เนื่องจากคุณสมบัติการดูดกลืนของแสงนี้ แตกต่างกันน้อยมาก ที่สำคัญคือ เราไม่สามารถกรองแสงให้มีความถี่เดียวทั้งหมด ยังมีรังสีในย่านอื่นออกมา ทำให้บางครั้ง แทนที่จะร้อนเฉพาะขน แต่กลับทำให้หนังไหม้ หรือในทางกลับกัน ยิงเบาไป ไม่ถึงจุดที่ทำลายเส้นขน เป็นต้น ปัจจุบัน เราต้องอาศัยตัวช่วย คือ การทำให้เย็นเฉพาะส่วน เช่น เย็นที่ผิวหนัง โดยการใส่เจลเย็น หรือเครื่องเป่าลมเย็น หรือหัวคริสตัลที่เย็น ทำให้สามารถสร้างความแตกต่างอุณหภูมิได้มาก สามารถยิงได้แรง แต่ผิวไม่ไหม้ ความแตกต่างของ IPL และ FPL คือ IPL ใช้ คริสตัล ในการแยกแสง แต่ FPL ใช้ fluorescense dye ทำให้การกรองแสงที่ไม่เหมาะสมออกดีกว่า การรักษาจึงมีผลข้างเคียงเช่น การไหม้ ในระดับต่ำกว่า การรักษาแบบ IPL และ FPL สามารถใช้ในการรักษาแทบจะทุกชนิดของโรค เช่น รอยแดงจากสิว กระ กำจัดขนถาวร เส้นเลือดขอด เส้นเลือดฝอยที่เกิดจากการรักษาฝ้า ปานบางชนิด และที่ฮือฮาคือ การลดรอยย่น ที่เรียกว่า skin rejuvenation โดยอาศัยหลักการที่ความร้อนไปกระตุ้นคอลลาเจนเกิดใหม่ แต่ได้ผลช้า ทำหลายที ข้อดีคือไม่ต้องผ่าตัด ไม่มีแผล
การเลือกที่จะทำ หรือแพทย์ ต้องระวังให้มาก ไม่มีข้อแนะนำให้ ได้ดีกว่าขอดูประกาศนียบัตรที่รับรองจากสถาบันที่ได้รับการรับรอง เช่น สถาบันโรคผิวหนัง การให้พยาบาลทำให้ ยิ่งแย่ไปใหญ่ ที่สำคัญคือ ถามแพทย์ทุกครั้งว่า จำเป็นต้องทำจริงหรือไม่ เพราะปัจจุบัน มีเลเซอร์เฉพาะ ที่รักษาได้ดีเท่า หรือดีกว่า IPL ในแง่ผลข้างเคียงต่ำ ออกมาอยู่เรื่อยๆ เช่น การรักษาขน ก็จะมี long-pulsed ND-Yag ,alexandrite . การรักษาปาน รอยสัก และกระ ก็จะใช้ q-switch เส้นเลือดขอด ก็จะมี Long pulsed ND-Yag รอยแผลเป็น ฯลฯ ถ้าไปที่คลินิค มีเครื่องมือนี้ ตัวเดียว ไม่ว่ากัน ผลการรักษาจาก IPLและ FPL ที่ได้ผลที่สุดคือ รอยแดงจากสิว รอยแดงจากการรักษาฝ้า หรือการฉีดแผลเป็น และการกำจัดขนถาวร แต่ถ้ามีหลายตัวเลือก ก็อาจจะต้องถามแพทย์ก่อนเสมอ
ข้อมูลเชื่อมโยงที่เกี่ยวข้อง· ข้อมูลเพิ่มเติม เทคโนโลยีความงาม
· เสนอข่าวโดย webmaster
2 Thermage
ลดริ้วรอย ยกกระชับผิว ด้วย Thermage
อีกนวัตกรรมในการรักษาริ้วรอย เหี่ยวย่น โดยไม่ต้องผ่าตัด
พูดถึงการทำศัลยกรรม หลายๆคน ยังคงกลัวการทำศัลยกรรม ผ่าตัดดึงหน้า เพื่อรักษา ริ้วรอย และ รอยเหี่ยวย่น ของผิว หรือ แม้แต่การฉีดยา บางคนยังกลัวเลย ใช่มั๊ยค่ะ ลองมาทำความรู้จักกับ Thermage ค่ะ แล้วจะรู้ว่า ริ้วรอย เหี่ยวย่น แก้ไขได้ไม่ยากค่ะ
Thermage คือ อะไร
- Thermage คือ เทคโนโลยีความร้อนสูง ซึ่งใช้ความถี่คลื่นวิทยุเพื่อสร้างความร้อนให้แก่ผิวหนัง ความร้อนจะทำให้เส้นใยคอลลาเจนที่คลายตัวและยืดออกไปตามอายุนั้นกระชับตัวขึ้น ความร้อนยังกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนขึ้นใหม่ ซึ่งจะช่วยให้ผิวของคุณหนาขึ้นและเรียบเนียนขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป
- Thermage เป็นการรักษาที่ปล่อยภัย ไม่ต้องผ่าตัด ซึ่งช่วยให้ผิวพรรณเนียนเรียบ กระชับและเข้ารูป ไม่ว่าจะเป็นส่วนใดของร่างกาย เพื่อรูปร่างที่ดูอ่อนวัยอย่างเป็นธรรมชาติโดยไม่ต้องผ่าตัด หรือฉีดยา และพักฟื้นเพียงเล็กน้อยถึงไม่ต้องพักฟื้นเลย เป็นกระบวนการรักษาแบบครั้งเดียว ประโยชน์ที่ผู้เข้ารับการรักษาได้รับคือ ผลการรักษาที่คงอยู่ได้นาน
หลักการทำงานของ Thermage และขั้นตอนการรักษา
• ขั้นตอนการรักษาจะใช้ระบบ Thermacool ซึ่งผ่านการรับรองจากองศ์การอาหารและยา (FDA)ของสหรัฐอเมริกา
• คลื่นวิทยุความถี่ 6 เมกะเฮิร์ซจะถูกควบคุมให้ส่งความร้อนไปยังชั้นล่างสุดของผิว
• หัวส่งคลื่นความถี่ที่อยู่บนด้ามส่งคลื่นความถี่จะวางทาบลงบนผิวหนังเบา ๆเพื่อส่งจังหวะพลังงานความถี่คลื่นวิทยุ RF ซึ่งแต่ละจังหวะจะยาวประมาณ 1 วินาที
• หัวส่งคลื่นความถี่นี้จะให้ความเย็นและป้องกันหนังชั้นกำพร้าไว้ ระหว่างที่พลังงานทะลุผ่านเข้าสู่ผิวหนังเพื่อสร้างความร้อนให้กับเส้นใยคอลลาเจนที่อยู่ในชั้นหนังแท้ และเนื้อเยื่อชั้นไขมันใต้ผิวหนัง
• ทุกครั้งที่ผิวสัมผัสกับอุปกรณ์ในการรักษาคุณจะรู้สึกเย็น และรู้สึกร้อนลึก ๆ ข้างในจากนั้นจะรู้สึกเย็นมากขึ้นความรู้สึกเย็นอย่างต่อเนื่องจะช่วยปกป้องผิวของคุณ และช่วยให้การรักษานั้นสบายขึ้น
วิธีการรักษา
ต้องทายาชาก่อนที่จะทำการรักษา เพราะจะเจ็บพอควร และขั้นตอนในการทำจะใช้เวลาตั้งแต่30 นาที ถึง 1 ชั่วโมง
หลังการรักษา
• คุณจะไม่รู้สึกเจ็บปวดหรือไม่สบายตัวหลังการรักษา ผิวของคุณอาจมีรอยแดงซึ่งจะหายไปเองภายในเวลาประมาณ 1 ชั่วโมง หรือผิวอาจบวมเล็กน้อย และอาการจะหายไปภายใน 1 วัน
• คุณสามารถแต่งหน้าและบำรุงผิวพรรณได้ตามปกติทันทีภายหลังการรักษา
• หากคุณไม่ได้รับการรักษาด้วยยาใด คุณสามารถกลับไปดำเนินชีวิตประจำวันได้ตามปกติทันที
ความรู้สึกระหว่างการรักษา
เกิดขึ้นจะไม่รุนแรง ซึ่งอาจมีอาการ เช่น
- รอยแดง
- บวม
- รอยนูน
- รอยพอง แสบร้อนเล็ก ๆ
- ผิวหนังไม่เรียบ ซึ่งเป็นกรณีที่พบได้น้อยมาก
อาการข้างเคียงส่วนใหญ่จะหายไปโดยไม่มีอาการแทรกซ้อนแต่อย่างใด
Thermage ใช้ได้กับทุกสภาพผิว ทุกท่านที่ผ่านการรักษาด้วยThermage จะมีคอลลาเจนที่สมบรูณ์แข้งแรงขึ้นระดับการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นจนมองเห็นได้นั้นจะแตกต่างกันไป ตั้งแต่ดีขึ้นเล็กน้อยจนถึงดีขึ้นมาก
• ระดับดีขึ้นเล็กน้อย หมายถึง การที่เนื้อผิวยกกระชับและเต่งตึงขึ้นเล็กน้อย
• ระดับดีขึ้นมาก หมายถึง ผิวกระชับเข้ารูป และ เนื้อผิวที่ดีขึ้นจนสังเกตเห็นได้ชัด
ผลการรักษา
• เมื่อคุณรุ้สึกได้ถึงความร้อน อาจรู้สึกไม่สบายตัวบ้าง
• ความร้อนนั่นจำเป็นอย่างยิ่งที่จะกระชับคอลลาเจน และ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนขึ้นใหม่ หากคุณไม่รู้สึกถึงความร้อน แสดงว่าขั้นตอนการรักษาไม่ถูกต้อง
• ในการรักษา จะปรับระดับความร้อนที่คุณสามารถทนได้ เพื่อลดความรู้สึกไม่สบายตัว และ บรรลุผลการรักษาที่มีประสิทธิภาพสูงสุด
• ตลอดการรักษา ผู้ให้การรักษา จะคอยถามคุณเกี่ยวกับความร้อน และ ระดับความสบายตัว ตามเกณฑ์วัด 0-4
• เป้าหมาย คือ รักษาระดับความรู้สึกร้อนให้อยู่ระหว่าง 2-2.5 ตามเกณฑ์วัด (ร้อน-เริ่มเจ็บแต่ยังทนได้)
ความปลอดภัยในการรักษา
Thermage เป็นวิธีการรักษาที่ปลอดภัย ไม่ต้องผ่าตัด ด้วยสถิติความปลอดภัยที่สูงถึง 99.8% โดยทั่วไปแล้ว อาการข้างเคียงที่อาจ
• การรักษาจะให้ผลที่ดูเป็นธรรมชาติ แรกสุดอาจมีคุณเพียงคนเดียวที่สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลง ครอบครัวและเพื่อน ๆของคุณอาจทักว่าดูเหมือนคุณได้พักผ่อนอย่างเต็มที หรือถามคุณว่าน้ำหนักลดหรือเปล่า
• ขณะที่ผิวคุณดีขึ้น เมื่อเวลาผ่านไป การเปลี่ยนแปลงจะค่อยเป็นค่อยไป คุณจะเห็นผลลัพธ์อย่างเต็มทีในเวลาประมาณ 6 เดือน
• ผลการรักษาด้วย Thermage จะให้ผลที่คงอยู่ได้นาน ผู้เข้ารับการรักษาบางราย รายงานว่าผลการรักษาอยู่ได้นานถึง 2-3 ปี
• โดยระยะเวลาที่ผลคงอยู่จะขึ้นอยู่กับอายุ สภาพผิว และ รูปแบบการใช้ชีวิตของคุณ
• การรักษานั้นเหมือนกับการตั้งเวลาย้อนหลัง แต่ไม่ได้หยุดเวลา
• ช่วยยกกระชับผิว และริ้วรอย บริเวณหน้าและลำตัว
• ลดปัญหาผิวเปลือกส้ม อันเนื่องจากการสะสมของ cellulite
• ใบหน้ายกกระชับ
• ลดริ้วรอยร่องแก้ม
• แก้ปัญหาคิ้วตก หนังตาตก และผิวเปลือกตาที่มีรอยย่น
• ลดปัญหาผิวเหี่ยวย่น หย่อนคล้อย และเพิ่มความเรียบเนียน
• ลดขนาดรอบเอว รอบขาและแขน
• กระชับสะโพก และลดปัญหาผิวเปลือกส้ม ที่สะโพก และต้นขา
• ในคนไข้ หลังทำ Liposuction ทำให้ผิวเรียบขึ้น
ผู้ที่เหมาะกับการรักษาด้วย Thermage
• ผิวหนังหย่อนเล็กน้อยถึงปานกลาง
• ไม่ถูกแสงแดดทำลายผิวมากเกินไป
• อายุ 35-60 ปี (เพื่อการรักษาที่ได้ผลสูงสุด)
• ไม่ต้องการและไม่คิดจะทำศัลยกรรมยกกระชับใบหน้า
• คุณแม่หลังตั้งครรภ์
• หลังผ่าตัดทำศัลยกรรม
* หลังจากการทำ Thermarge ควรหยุดพักทำtreatment หรือ laser อื่นๆ ประมาณ 1-2 สัปดาห์ จากนั้นแนะนำให้ทำ ทรีตเม้นต์เพิ่มความชุ่มชื้น ขาว ใส และทำ laser ตัวอื่นเพื่อคงสภาพผิวให้อยู่ได้นานขึ้นอีก*
วันพฤหัสบดีที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2552
การดูแลรักษาดวงตาจากการใช้คอมพิวเตอร์
เพื่อนๆ รู้หรือเปล่าว่าเดี๋ยวนี้ คนที่มีอาการทางสายตาที่เกิดจากการใช้คอมพิวเตอร์มีเพิ่มขึ้นสูงขึ้นเรื่อยๆเลยนะ เพราะปัจจุบันนะมีการใช้คอมพิวเตอร์อย่างแพร่หลายในสำนักงานต่างๆ ตามบ้าน ตามร้านเน็ต จากสถิติพบว่าผู้ใช้คอมพิวเตอร์จำนวนมากกว่า 50% มีอาการทางสายตา ได้แก่ ปวดตา ตามัว ตาแห้ง สายตาล้า และปวดศีรษะ รวมทั้งมีอาการอื่นๆ เช่น ปวดเมื่อยคอและหลัง โดยอาการเหล่านี้มักเกิดขึ้นกับผู้ที่ใช้คอมพิวเตอร์มากกว่า 2 ชั่วโมงต่อวัน และผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไป แต่พี่ผึ้งว่าเพื่อความไม่ประมาท เราเริ่มดูแลดวงตาเราตั้งแต่ตอนนี้เลยจะดีกว่านะ ไม่งั้นแก่ไปได้ใส่แว่นตาหนาเตอะแน่ งานนี้จะขำไม่ออกกัน +_+!
ทั้งนี้ตัวแปรที่ก่อให้เกิดอาการดังกล่าวมีหลายอย่างเลย เช่น ภาวะตาแห้ง ความผิดปกติของสายตาและค่าสายตา ความสามารถในการเพ่ง แว่นตาที่ใช้กับคอมพิวเตอร์ ชนิดของคอมพิวเตอร์ แสงสะท้อนจากคอมพิวเตอร์ ความสว่างของห้อง ท่านั่งขณะใช้คอมพิวเตอร์ เรียกว่าสารพัดปัจจัยเสี่ยง
หยกเลยมีเคล็ดลับถนอมสายตามาฝากกัน สำหรับน้องๆ ที่เป็นโรคติดเน็ต ขาดคอมเป็นขาดใจทั้งหลาย ได้รู้ถึงวิธีดูแลดวงตาระหว่างใช้คอมพิวเตอร์อย่างง่ายๆกัน
. ควรกะพริบตาให้บ่อยขึ้น
· จัดวางหน้าจอคอมพิวเตอร์ในตำแหน่งที่เหมาะสม โดยระยะห่างระหว่างจอภาพและผู้ใช้คอมพิวเตอร์ ควรอยู่ระหว่าง 20-28 นิ้ว ระดับจอภาพ จุดศูนย์กลางของคอมพิวเตอร์ควรอยู่ต่ำกว่าระดับสายตาประมาณ 4-9 นิ้ว ไม่ควรอยู่สูงหรือต่ำเกินไป ควรอยู่ตรงด้านหน้าของผู้ใช้
· ใช้น้ำตาเทียมหยอดตา เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นแก่ดวงตา
· แว่นตาที่ใช้กับคอมพิวเตอร์ ควรเลือกใช้เลนส์สีชมพูอ่อนที่ช่วยให้สบายตาภายใต้แสงจากหลอดไฟฟลูออเรสเซนต์ และเพื่อลดแสงสะท้อนจากจอภาพ
· ใช้แผ่น ลดแสงสะท้อนจากคอมพิวเตอร์ หรือ เลือกใช้จอคอมพิวเตอร์ชนิด LCD (จอแบน) ซึ่งจะช่วยถนอมสายตาได้ดีกว่าจอคอมพิวเตอร์แบบเก่า (CRT)
· ควรหลีกเลี่ยงเฟอร์นิเจอร์ที่มีผิวสะท้อน รวมทั้งใช้ฉากกั้นเพื่อลดปริมาณแสง
· ควรจัดวางคีย์บอรด์และเม้าส์ต่ำกว่าระดับข้อศอก พร้อมปรับความสูงของเก้าอี้ให้เหมาะสม มุมตรงเข่ากับเก้าอี้ควรมากกว่า 90 องศา เก้าอี้ที่ดีควรมีที่พักแขน
· ผู้ใช้คอมพิวเตอร์ควรเปลี่ยนอิริยาบถ หรือลุกขึ้นยืดเส้นยืดสายทุกๆ ชั่วโมง เพื่อพักสายตา และป้องกันไม่ให้เกิดอาการปวดเมื่อย เมื่อต้องใช้คอมพิวเตอร์ติดต่อกันเป็นเวลานาน
· ควรตรวจสายตาปีละหนึ่งครั้ง เพื่อวัดความดันตา ดูประสาทตา และตรวจเช็คความผิดปกติของสายตาเสียแต่เนิ่นๆ เพื่อจะได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที ซึ่งจะช่วยป้องกันการสูญเสียสายตาได้
วิธีการพักสายตา จากการใช้คอมพิวเตอร์คนเราส่วนใหญ่จะนั่งทำงานอยู่หน้าคอมพิวเตอร์มาก ๆ มีบางครั้งล้าสายตาหรือปวดตา ทำ
ให้เกิดการระคายเคือง ตาอักเสบ วิธีการช่วยบรรเทาการปวดตา
1. หลับตา แล้วเกือกตาไปมา ซ้าย ขวา บน ล่าง และหลับให้หนึ่งประมาณ 5 นาที
2. ออกไปสูดอากาศหายใจจะได้ผ่อนคลายไปในตัว
3. มองดูอะไรก็ได้ที่เป็นสีเขียว เช่น ต้นไม้ สนามหญ้า ฯลฯ หรืออะไรก็ได้ ที่มองแล้วสบายหูสบาย
ตา วิธีนี้ส่วนมากใช้ได้ผล 70%
4. หาอุปกรณ์ เช่น แว่น ฯลฯ
เมื่อเทคโนโลยีมันก้าวมาถึงขีดที่คอมพิวเตอร์ ซึ่งเคย แสนวิเศษ กำลังจะกลายเป็นอุปกรณ์
ธรรมดาๆ ที่จำเป็นต้องมีของทุกหน่วยงาน ทุกคนต้องใช้ได้ใช้เป็น และเรากำลังหลงใหลได้ปลื้ม
กับความสามารถ ของคอมพิวเตอร์ จนลืมนึกถึงพิษภัยที่มันมากับคอมพิวเตอร์ แม้จะไม่ใช่ทางตรง
ทีเดียวกันก็ตาม พิษภัยนี้ มีไว้สำหรับท่านที่นั่งใช้อยู่หน้าจอเป็นประจำเท่านั้น โดยเฉพาะท่านที่
ต้องนั่งอยู่หน้าจอเกิน 6 ชั่วโมงต่อวัน จากการนั่งทำงานเป็นประจำ ผลกระทบต่อสุขภาพเบื้องต้น
ที่แน่ๆ ก็คือ ปวดหลัง ปวดไหล่ ต้นคอ และข้อมือ เกิดอาการเครียดที่ตา เพราะขณะมองจอนั้นผู้ใช้
มักไม่กะพริบตา เป็นผลให้ตาขาดน้ำหล่อเลี้ยงเกิดอาการระคายเคืองได้ และอาการที่ตามมาคือตา
พร่าและมองไม่เห็นชั่วคราว นอกจากนี้ยังอาจมีอาการไมเกรนพ่วงมาด้วยปัญหาทางตาเป็นปัญหา
ที่น่าห่วงมาก เพราะเมื่อตาเกิดความเครียดกล้ามเนื้อตา จะบีบรัดเลนซ์ตาจนเกิดความเมื่อยล้า
หมอจึงแนะนำว่า ถ้าต้องใช้สายตาอยู่กับจอนานๆ ควรพักสายตาทุกสิบนาทีด้วยการเปลี่ยนไปมอง
วัตถุที่อยู่ไกลออกไปสัก 20 ฟุต มองสัก 2-3 นาทีแล้วค่อยมองจอต่อ จักษุแพทย์ได้แนะให้ผู้ใช้
คอมพิวเตอร์นานๆ ต้องพักสายตาให้มองไกลทุก 10 นาที และท่านที่มีปัญหาสายตาสวมแว่นอยู่
แล้วนั้น ถ้าต้องมารับหน้า ที่อยู่หน้าจอนานๆ ควรมีแว่นตาเฉพาะสำหรับงานหน้าจอนี้ด้วยอีก
อันหนึ่ง ซึ่งแตกต่างไปจากแว่นตาที่ใช้ยามปกติ ส่วนจะแตกต่างอย่างไร คงต้องปรึกษาจักษุแพทย์
และในขณะเดียวกันท่านเหล่านี้ ควรได้รับ การตรวจวัดสายตาเป็นประจำ เพื่อให้ได้ขนาดเลนซ์ที่
เหมาะสม
นอกจากนี้เพื่อเป็นการถนอมสายตาที่ยังไม่มีปัญหา ท่านไม่ควรสวมเสื้อผ้าที่มีสีสว่างขณะ
นั่งหน้าจอ เพราะสีของเสื้อจะไปทำให้เกิดแสงสะท้อนบนจอภาพได้และแสงสะท้อนนี้แหละที่จะ
ทำให้กล้ามเนื้อตาอ่อนล้า กว่าปกติและยังมีอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ตาเมื่อยล้าได้คือ ถ้าแสงจากจอ
สว่างน้อยกว่าแสงโดยรอบ ข้อนี้ผู้จัดสำนักงานควรจะมีความรู้ด้วย ทั้งหมดคงต้องเป็นหน้าที่ของ
ผู้ใช้คอมพิวเตอร์เอง ที่จะเป็นผู้รับผิดชอบสุขภาพของตนเอง เพราะถ้าเกิดปัญหาสายตาขึ้น จะไป
เรียกร้องเงินทดแทนก็คงทำได้ยาก
ลองนำวิธีที่แนะนำไปปฏิบัติตามกันดูได้ นะจ๊ะ